วันที่ 10 ต.ค.ของทุกปีเป็นวันชาติของไต้หวัน สาธารณรัฐจีน ซึ่งปีนี้เป็นวันชาติครบรอบ 112 ปี ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ได้กล่าวสุนทรพจน์วันชาติ ณ ลานพิธีฉลองวันชาติ หน้าทำเนียบประธานาธิบดี ในกรุงไทเป ในตอนเช้าวันนี้
ผู้นำไต้หวันได้กล่าวย้ำต่อหน้ามิตรจากทั่วโลกและประชาชนชาวไต้หวันว่า ไต้หวันผ่านห้วงเวลาแห่งความยากลำบากในช่วงโควิด-19 3 ปีที่ผ่านมา ในที่สุดก็ถอดหน้ากากและใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติในงานฉลองวันชาติปีนี้ ซึ่งต้องขอบคุณทุกฝ่ายและมิตรประเทศที่ช่วยเหลือไต้หวันให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ด้วยนี้ ด้วยความมุมานะพยายามของพี่น้องประชาชนชาวไต้หวัน
ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ได้กล่าวถึงชะตากรรมของไต้หวันว่า หากเราไม่ก้าวไปข้างหน้า เราก็จะถอยหลัง หากเราไม่ต่อสู้เพื่อนำความก้าวหน้ามาสู่ประเทศชาติ เราก็จะต้องถูกชะตากรรมเป็นผู้กำหนดให้ โดยยกตัวความพยายามในการพัฒนาผลิตเรือน้ำด้วยตนเองลำแรกได้ส่งลงน้ำเพื่อทดสอบแล้ว และเมื่อผ่านการทดสอบแล้ว “เรือดำน้ำไฮ่คุน” ก็จะเข้าประการในกองทัพไต้หวันในปี 2025
ผู้นำไต้หวันได้ขอบคุณชาวไต้หวันทั้งมวลที่ร่วมกันต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ผลักดันการปฏิรูปต่าง ๆ ท่ามกลางความท้าทายและความยากลำบาก โดยในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา สถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจในภูมิภาคและนานาชาติ ประกอบกับการระบาดของโควิด-19 ตลอดจนสภาพอากาศแปรปรวนรุนแรงในรอบร้อยปี ล้วนท้าทายประเทศประชาธิปไตย กลไกความทรหดของการปกครองของรัฐบาล ก็ถูกท้าทายท่ามกลางสังคมประชาธิปไตย และบรรทัดฐานความเชื่อมั่นระหว่างคนกับคนด้วย
ส่วนทางด้านการดูแลทุกข์สุขของประชาชนและผู้ใช้แรงงาน ประธานาธิบดีไช่ฯ ได้ขอบคุณผู้ใช้แรงงานที่เห็นใจรัฐบาล แม้เราจะยังไม่สามารถก้าวไปถึงจุดสุดท้ายแห่งความสำเร็จของการปฏิรูประบบบำเหน็จบำนาญแรงงานก็ตาม แต่ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณอย่างต่อเนื่องถึง 2.670 แสนล้านเหรียญไต้หวัน อุดหนุนกองทุนประกันภัยแรงงาน ซึ่งหวังว่า การปฏิรูปฐานะการเงินของกองทุนประกันภัยแรงงาน จะสามารถผลักดันให้กองทุนฯ ก้าวต่อไปอย่างมั่นคง ท่ามกลางการทำความเข้าใจกับสังคม และสร้างฉันทามติร่วมกัน เพื่อความผาสุกร่วมกันของพี่น้องประชาชน
ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ระบุว่า ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้เสริมศักยภาพพลังแห่งชาติให้มีความเข้มแข็ง ทำให้ไต้หวันในปัจจุบันได้กลายเป็นไต้หวันของโลกไปแล้ว
ผู้นำไต้หวันย้ำว่า ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา ไต้หวันได้มุมานะพยายมพัฒนาเศรษฐกิจ เสริมพลังแห่งชาติ ดูแลทุกข์สุขของประชาชน สร้างหลักประกันให้แก่ความปลอดภัยแห่งชาติ เสริมเสถียรภาพในการสถานการณ์บนช่องแคบไต้หวัน รวมทั้งแสวงหาการสนับสนุนจากนานาชาติด้วย
ประธานาธิบดีไช่ฯ ได้กล่าวในตอนท้ายของสุนทรพจน์ย้ำว่า ภาระหน้าที่ของตนก็คือการปกป้องอธิปไตยของชาติ ปกป้องรูปแบบการใช้ชีวิตในระบอบเสรีภาพประชาธิปไตยของชาวไต้หวัน 23 ล้านคน ขณะเดียวกันก็ต้องพยายามทำให้ช่องแคบไต้หวันอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ประชาชนสามารถไปมาหาสู่กันได้อย่างเสรี ไม่มีพันธะ และไม่มีสิ่งใดต้องวิตกกังวล กระทั่งทำให้ช่องแคบไต้หวัน เป็นผู้อุทิศคุณูปการให้แก่เสถียรภาพและสันติในภูมิภาค
แหล่งข่าว：RTI
รายงานโดย：กฤษณัย ไสยประภาสน์
แหล่งข่าว : Rti
