ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำไต้หวันได้กล่าวถึงการผลักดันการพัฒนากองทัพไต้หวันภายใต้คำขวัญ “พึ่งตนเอง” และการปฏิรูปในทุกมิติในช่วง 7 ปีที่่ตนดำรงตำแหน่งผู้นำไต้หวัน โดยย้ำว่า เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์โลกและความท้าทายที่แปรเปลี่ยนไปทุกวินาที หากไต้หวันไม่มุมานะพยายามต่อสู้ ก็จะไม่มีวันกำหนดอนาคตและชะตากรรมของตนเองได้
ผู้นำไต้หวันย้ำว่า “ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า ทั่วโลกต่างเห็นว่า เรือดำน้ำไฮ่คุนของไต้หวันสร้างขึ้นเพื่อปกป้องเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาคแล่นฝ่าคลื่นไปข้างหน้า ซึ่งเป็นเสมือนสปิริตที่ไม่เคยสั่นคลอนในช่วง 74 ปีที่สาธารณรัฐจีนปักรากในไต้หวัน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์โลกที่มีลักษณะพิเศษและแปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว หากเราไม่มุ่งไปข้างหน้าก็จะอยู่ในสภาพถอยหลัง ไม่ต่อสู้เพื่อพยายามก้าวไปข้างหน้า ก็ไม่อาจที่จะกำหนดอนาคตและชะตากรรมของตนเองได้”
นอกจากนี้ ผู้นำไต้หวันยังได้กล่าวถึงการปฏิรูปในทุกมิติของรัฐบาลในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา โดยระบุว่านโยบายสร้างที่พักอาศัยอาคารสงเคราะห์จำนวน 2 แสนยูนิตใน 8 ปี กำลังจะถึงเส้นชัยในปลายปี 2024 และในส่วนของการปฏิรูปพลังงานเขียว ปัจจุบัน การผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานเขียวแซงหน้าพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานนิวเคลียร์แล้วเมื่อปีที่แล้วเป็นครั้งแรก ผู้นำไต้หวันย้ำว่า การพัฒนาพลังงานรีไซเคิลของไต้หวัน ทั้งทางด้านเครือข่ายการสะสมกำลังไฟฟ้าและความคงทนของเครือข่ายกระแสไฟฟ้าจะต้องเร่งเสริมความเข้มแข็ง ต้องเร็ว จะช้าไม่ได้ และยิ่งไม่อาจเดินถอยหลังได้
ในด้านการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชน ผู้นำไต้หวันระบุว่า ได้มีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำทุกปี และได้เสนอร่างกฎหมายว่าด้วยค่าจ้างขั้นต่ำ ส่วนการปฏิรูประบบบำเหน็จบำนาจผู้ใช้แรงงานก็จะต้องผลักดันไปบนพื้นฐานของสถานะการคลังที่มีเสถียรภาพและการพูดคุยทำความเข้าใจในสังคมอย่างมีเหตุมีผล
แหล่งข่าว:RTI
รายงานโดย:กฤษณัย ไสยประภาสน์
แหล่งข่าว : Rti