ไต้หวันวัฒนาถาวรด้วยความเชื่อมั่นและสุขุม เพื่อความผาสุกของทั่วโลก
เรียนท่านประธานหยิวสีคุน (游錫堃) ประธานคณะกรรมการจัดงานเฉลิมฉลองวันชาติสาธารณรัฐจีนและประธานสภานิติบัญญัติ ประธานาธิบดีรัส โจเซป คุน (Russ Joseph Kun) แห่งสาธารณรัฐนาอูรูและภริยา มาดามมาร์แซลลา ลิบูร์ด (Marcella Liburd) ผู้ว่าการสหพันธรัฐเซนต์คริสโตเฟอร์และเนวิส มาดามซูซาน ดูแกน(Susan Dougan) ผู้ว่าการเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ ท่านผู้มีเกียรติที่อยู่ในสถานที่จัดงาน มิตรสหาย ตลอดจนพี่น้องชาวไต้หวันที่รับชมการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์และทางอินเทอร์เน็ต สวัสดีค่ะ
วันนี้เป็นวันเฉลิมฉลองวันชาติแห่งสาธารณรัฐจีนปีที่ 112 หลังจากเวลาผ่านไป 3 ปี ในที่สุดเราก็สามารถถอดหน้ากากอนามัยออก กลับมารวมตัวกันที่นี่เพื่อเฉลิมฉลองวันชาติของประเทศเรา
ในวันนี้มีชาวจีนโพ้นทะเลจากทั่วโลกและมิตรสหายจากต่างประเทศจำนวนมากเดินทางมาร่วมงาน หลังจากที่ไม่ได้เดินทางมาเยือนไต้หวันเป็นเวลากว่า 3 ปี ในนามของประชาชนชาวไต้หวัน ข้าพเจ้าขอขอบคุณทุกท่านด้วยใจจริง
หากมองย้อนกลับไปในช่วง 3 ปีแห่งความยากลำบากในการรับมือกับโรคระบาด ราวกับว่าเป็นเวลาที่นานมากแล้ว แต่ในความเป็นจริง ยังมีอีกเส้นทางหนึ่งที่เต็มไปด้วยอุปสรรคที่เราก้าวเดินมาเป็นเวลานานถึง 30 ปี
เมื่อช่วงปลายเดือนที่แล้ว มีการเปิดตัว Narwhal เรือดำน้ำลำแรกที่ไต้หวันผลิตขึ้นเอง เมื่อเสร็จสิ้นการทดสอบ เรือดำน้ำลำนี้มีกำหนดเข้าประจำการอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 2025
ในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา การผลิตเรือดำน้ำในประเทศเป็นความฝันของประธานาธิบดีที่มาจากทุกพรรคการเมือง และขณะนี้เราได้ทำให้ความฝันนี้เป็นจริงแล้ว !
เราเริ่มต้นจากศูนย์จนประสบความสำเร็จ นับเป็นก้าวย่างที่ต้องใช้ความกล้าหาญอย่างยิ่ง เพราะต้องเผชิญกับแรงกดดัน ต้องเอาชนะอุปสรรค และต้องต้านทานคำพูดที่ดูหมิ่นดูแคลนอย่างไม่สะทกสะท้าน หากเกิดความลังเลเพียงน้อยนิดก็จะนำไปสู่ความล้มเหลว
อย่างไรก็ดี ในที่สุดเราก็ทำได้ ! การป้องกันประเทศแบบพึ่งพาตนเองของเราได้ก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งเป็นการยกระดับขีดความสามารถในการทำสงครามไร้สมมาตรของกองทัพไต้หวันให้สูงขึ้น และเราได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะปกป้องสาธารณรัฐจีนอีกครั้ง ข้าพเจ้าเชื่อว่า ทั้งโลกจะรับรู้ว่าเรือดำน้ำ Narwhal ต้องฝ่าคลื่นลมทะเลเพื่อปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค
นี่เป็นจิตวิญญาณอันแน่วแน่ที่ค้ำจุนสาธารณรัฐจีนให้สามารถปักหลักอยู่ในไต้หวันมาเป็นเวลา 74 ปี เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ระหว่างประเทศที่พิเศษและความท้าทายที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หากเราไม่ก้าวไปข้างหน้า เราก็จะถอยหลัง และถ้าเราไม่ทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อก้าวไปข้างหน้า เราก็จะไม่สามารถตัดสินอนาคตและชะตากรรมของเราเองได้
ขอบคุณพี่น้องชาวไต้หวันทุกคน ที่ร่วมกันปฏิรูปท่ามกลางความท้าทายและยากลำบาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจที่มีความแปรปรวนและซับซ้อนทั้งในระดับภูมิภาคและในระดับโลก ยิ่งไปกว่านั้นเรายังได้เผชิญปัญหาโรคระบาดและสภาพอากาศสุดโต่งที่รุนแรงที่สุดในทศวรรษ สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องท้าทายความทรหดของกลไกการบริหารของภาครัฐในฐานะประเทศประชาธิปไตย ทั้งยังเป็นบททดสอบพื้นฐานความไว้วางใจซึ่งกันและกันระหว่างคนในสังคมประชาธิปไตยด้วย
อย่างไรก็ตามข้าพเจ้าไม่เคยลืมคำมั่นสัญญาเกี่ยวกับการปฏิรูปที่เคยให้ไว้ ขณะเดียวกันก็ตระหนักดีว่า การปฏิรูปจะนำมาซึ่งความขัดแย้งและการเจ็บปวด ข้าพเจ้าจึงขอบคุณชาวไต้หวันที่สามารถใช้ความสามัคคีเอาชนะความกลัวต่าง ๆ ใช้ความปรองดองแก้ไขความขัดแย้ง รวมถึงใช้ความเป็นประชาธิปไตยเอาชนะบททดสอบอันท้าทายต่าง ๆ
จวบจนปัจจุบัน ไต้หวันได้ผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียมมาเป็นเวลากว่า 4 ปีแล้ว ข้าพเจ้าต้องขอขอบคุณประชาชนที่แม้จะไม่เห็นด้วยแต่ก็สามารถประนีประนอม ทำให้ไต้หวันเป็นดินแดนที่คู่รักเพศเดียวกันสามารถสร้างครอบครัวอย่างมีความสุข จนเป็นที่อิจฉาไปทั่วโลก
ข้าพเจ้าขอขอบคุณพี่น้องทหาร ข้าราชการ และครูอาจารย์ทุกท่าน ที่เข้าใจและให้ความร่วมมือในการปฏิรูประบบเงินบำนาญซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนคิดว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ ทำให้รัฐบาลมีเงินคงคลังมากขึ้นเพื่อใช้ดูแลคนรุ่นหลังของเราต่อไป
สุดท้ายนี้ ข้าพเจ้าขอขอบคุณพี่น้องแรงงานทุกคนที่เข้าใจ แม้ปัจจุบันเราจะยังดำเนินการปฏิรูปเงินบำนาญในขั้นตอนสุดท้ายไม่สำเร็จ แต่ก็เห็นได้ว่า ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 เป็นต้นมา รัฐบาลทยอยจัดสรรงบประมาณกว่า 267,000 ล้านเหรียญไต้หวันอุดหนุนกองทุนประกันภัยแรงงาน หวังว่าการปฏิรูประบบการเงินของกองทุนประกันภัยแรงงานในขั้นตอนต่อไป จะสามารถดำเนินการต่อไปได้บนรากฐานของระบบการเงินที่มั่นคง ท่ามกลางการเจรจาที่มีเหตุผลและบรรลุความเห็นพ้องกัน
7 ปีแห่งการเสริมพลังแห่งชาติให้เติบใหญ่เข้มแข็ง ไต้หวันในวันนี้ได้กลายเป็นไต้หวันของโลกแล้ว
นอกจากการผลักดันการปฏิรูปแล้ว ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางสถานการณ์ระหว่างช่องแคบไต้หวันและสถานการณ์โลกที่แปรเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ไต้หวันต้องทุ่มเทให้แก่การพัฒนาเศรษฐกิจ เสริมพลังแห่งชาติ ดูแลทุกข์สุขของประชาชน สร้างหลักประกันให้แก่ความปลอดภัยแห่งชาติ ค้ำจุนเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน และแสวงหาการสนับสนุนจากประชาคมโลก
ท่ามกลางความพยายามของชาวไต้หวันทั้งมวลในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไต้หวัน ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความทรหดอันเข้มแข็งเท่านั้น หากยังกลายเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเพื่อการปรับตัวใหม่ของห่วงโซ่อุปทานของโลกด้วย ทำให้สาธารณรัฐจีนมีพลังที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
มูลค่า GDP ของไต้หวัน เมื่อข้าพเจ้าเข้ารับตำแหน่งจาก 17.5 ล้านล้านเหรียญไต้หวัน ได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดว่าปีนี้จะมีมูลค่าสูงถึง 23 ล้านล้านเหรียญไต้หวัน ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทั่วโลกต้องเผชิญหน้ากับการหยุดชะงักของเศรษฐกิจ ตลอดจนสถานการณ์ภาวะเงินเฟ้อ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยเฉลี่ยของช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไต้หวันยังคงสามารถรักษาให้อยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั่วโลก เป็นอันดับ 1 ของ 4 เสือเศรษฐกิจแห่งเอเชีย และยังสามารถรักษาเสถียรภาพของราคาสินค้าให้มีความมั่นคงได้อีกด้วย
ขณะเดียวกัน เรายังได้รักษาเสถียรภาพทางการคลังให้มั่นคง และนำเอาเงินรายได้จากภาษีที่สามารถเก็บได้เกินงบประมาณที่ตั้งไว้แบ่งปันให้แก่ประชาชนด้วย นอกจากแจกจ่ายคูปองเพื่อกระตุ้นการบริโภคแล้ว ยังได้แจกจ่ายเป็นเงินสด ตลอดจนมาตรการลดค่าใช้จ่ายด้านการเดินทางที่เรียกว่า TPASS และขยายการให้เงินอุดหนุนค่าเช่าบ้านให้มากขึ้นด้วย ช่วยเหลือประชาชนลดภาระค่าครองชีพ นอกจากนี้ เรายังได้เสริมการพัฒนาเมืองกับชนบทให้มีความสมดุล และเพิ่มการลงทุนเพื่อช่วยเหลือ SME ให้มีการปรับตัวมากขึ้นอีกด้วย
เราได้ผลักดัน “อุตสาหกรรมหัวใจยุทธศาสตร์ 6 ประเภท” ทุ่มทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน นำพาให้อุตสาหกรรมไต้หวันไปสู่ “การเปลี่ยนกระบวนทัศน์” สำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังอันเข้มแข็งของเทคโนโลยีและความสามารถในการผลิต ยิ่งทำให้ไต้หวันกลายเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญที่ไม่อาจขาดได้ในการปรับตัวของห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
ด้วยเหตุนี้ เราจึงได้พลิกฐานจากในอดีตที่ต้องพึ่งพาเพียงตลาดเดียว มูลค่าการส่งออกไปสหรัฐอเมริกาของไต้หวัน เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า และเมื่อเดือนมิถุนายนปีนี้ ไต้หวันได้ลงนามในความตกลงแผนริเริ่มทางการค้าศตวรรษที่ 21 กับสหรัฐฯ ระยะแรกแล้ว ซึ่งเป็นความตกลงการค้าที่มีแนวทางใหม่แห่งนวัตกรรม นำหน้าทั่วโลก
หลังจากการมุมานะในช่วง 7 ปีที่ผ่าน การค้าระหว่างไต้หวันกับประเทศเป้าหมายนโยบายมุ่งใต้ใหม่ทำลายสถิติที่เคยมีมา ไต้หวันเสริมการเชื่อมต่อกับยุโรป ปัจจุบันสหภาพยุโรปได้กลายเป็นแหล่งทุนต่างชาติใหญ่ที่สุดของไต้หวันแล้ว เราได้ใช้พลังทางเศรษฐกิจ พิสูจน์ให้ชาวโลกได้ประจักษ์ว่า ไต้หวันมีความสำคัญที่ไม่อาจมีอะไรมาแทนที่ได้
ในขณะเดียวกัน เราได้ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 8 ปีติดต่อกัน และจากประสบการณ์ที่สั่งสมมา เราได้เสนอร่าง “กฎหมายค่าจ้างขั้นต่ำ” ส่งให้สภานิติบัญญัติพิจารณาอีกครั้ง ข้าพเจ้าไม่ลืมคำมั่นสัญญาที่จะดูแลความเป็นอยู่แรงงาน
เมื่อไม่นานมานี้ ข้าพเจ้าได้พบกับสามีภรรยาคู่หนึ่งมาจากเถาหยวน พวกเขาทำธุรกิจ “ผู้เช่าช่วง” ซึ่งเป็นผู้เช่าช่วงบ้านพักการกุศล พวกเขาบอกกับข้าพเจ้าว่า บ้านสวัสดิการสังคม ไม่ใช่เพียงแค่ “ห้องเช่า” แต่เป็น “ครอบครัว” ของผู้เช่า
ข้าพเจ้า ขอขอบคุณทุกท่านในไต้หวันที่อุทิศตน มีความอาทรในการส่งเสริมบ้านสวัสดิการสังคม ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา เราเดินหน้าเริ่มต้นด้วยความยากลำบาก และวางรากฐานที่ดี ขณะนี้ บ้านสวัสดิการสังคมได้รับการยอมรับ กลายเป็นพลังบวกในชุมชน เป้าหมาย 8 ปี สร้างบ้าน 200,000 หน่วย จะสำเร็จภายในสิ้นปี พ.ศ. 2567
การก้าวสู่ “หลักธรรมาภิบาลสร้างความเสมอภาคในด้านที่อยู่อาศัย” ยังอีกยาวไกล แต่หลังจากสะสมประสบการณ์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ข้าพเจ้าเชื่อว่าเราก้าวไปอย่างรวดเร็วในทิศทางที่ถูกต้องได้ในอนาคต
ข้าพเจ้าจำได้ว่า ตอนที่ขึ้นเป็นประธานาธิบดีครั้งแรก พลังงานไฟฟ้าสำรองของไต้หวันมีเพียง 1.64% แต่ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา เราได้จัดหาแหล่งพลังงานเพิ่มอย่างมาก และส่งเสริมการปรับเปลี่ยนแหล่งพลังงาน ในที่สุด เราก็มาถึงจุดเปลี่ยนในปีที่แล้ว เมื่อกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมของพลังงานสีเขียวเกินกว่าพลังงานนิวเคลียร์เป็นครั้งแรก
ปัจจุบัน หากแสงแดดและสภาพอากาศร้อน ไม่ต้องกังวลเรื่องไฟฟ้าดับในช่วงบ่าย ในช่วงเย็น ซึ่งช่วงเวลาที่มีการใช้ไฟฟ้าสูงสุด พลังไฟฟ้าสำรองของเรายังสามารถรักษาอยู่ในระดับ 7% – 10%
เรากำลังแข่งกับเวลา ฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อปรับเปลี่ยนแหล่งพลังงานทีละขั้นตอนให้สำเร็จ ในภาวะทั่วโลกเร่งสู่เป้าหมาย “การปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์ในปี ค.ศ. 2050” การพัฒนาพลังงานหมุนเวียนของไต้หวัน การสร้างเครือข่ายกักเก็บพลังงาน และการเสริมความมั่นคงของโครงข่ายไฟฟ้า จะต้องรวดเร็ว ช้าไม่ได้ และเป็นเส้นทางที่ไม่อาจย้อนกลับ
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 เป็นต้นมา รัฐบาลไช่อิงเหวินได้รักษาคำมั่นสัญญาและธำรงไว้ซึ่งสถานภาพในปัจจุบันมาโดยตลอด เรายึดมั่นใน “4 ข้อยึดมั่น” ไม่ท้าทาย ไม่ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างหุนหันพลันแล่น ไม่ยอมแพ้แม้จะอยู่ภายใต้แรงกดดัน สร้างความร่วมมือในเชิงลึกกับประเทศประชาธิปไตยทั่วโลก ร่วมรักษาเสถียรภาพและความสงบสุขในภูมิภาค และเป็นพลังแห่งความดีที่อุทิศตนเพื่อโลก
ในยามที่พายุไต้ฝุ่นทำให้เกิดฝนตกหนัก ส่งผลให้เกิดอุทกภัยที่ฟากตรงข้ามของช่องแคบ เราได้แสดงความห่วงใยทางมนุษยธรรม เมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหวที่ตุรกี เราได้ส่งความช่วยเหลือไปสู่แนวหน้าของพื้นที่ประสบภัย เมื่อเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน เรายืนหยัดที่จะยืนเคียงข้างยูเครน แน่นอนว่า เราไม่เคยลืม “วัฏจักรแห่งความดี” ระหว่างกลุ่มพันธมิตรประชาธิปไตยให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในช่วง 3 ปีที่เกิดสถานการณ์แพร่ระบาด
แม้จะมีอุปสรรคมากมายไม่หมดสิ้น แต่เราหยุดยั้งที่จะก้าวเดินเข้าไปมีส่วนร่วมกับทั่วโลก มิตรภาพระหว่างไต้หวันและญี่ปุ่นมีความแน่นแฟ้นอย่างไม่เปลี่ยนแปลง และความสัมพันธ์ของเรากับสหรัฐอเมริกาก็แข็งแกร่งมากขึ้น ทั้งพันธมิตรทางการทูตและประเทศที่มีอุดมการณ์เหมือนกันต่างแสดงการสนับสนุนไต้หวันในเวทีระหว่างประเทศ และคนหนุ่มสาวจากหลายประเทศได้เผยแพร่ข้อความของแคมเปญ Viva Taiwan ทางโซเชียลมีเดีย
ความสำเร็จด้านประชาธิปไตยของไต้หวันได้สร้างมาตรฐานให้กับโลก ความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของเราเป็นการรับประกันในด้านความยั่งยืน ความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองของประชาธิปไตยทั่วโลก
เชื่อมั่นและสุขุม อุทิศตนเพื่อสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง
ไต้หวันในปัจจุบัน คือ ไต้หวันของโลก ซึ่งเราได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว ทั้งในด้านภูมิยุทธศาสตร์ พัฒนาการแห่งประชาธิปไตยทั่วโลก รวมถึงระบบห่วงโซ่อุปทานนานาชาติ ว่าเราคือหุ้นส่วนที่ไว้ใจได้ มีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัย พลังจากนานาชาติที่สนับสนุนพวกเรา มาถึงจุดที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุดอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ในขณะนี้ พวกเรามีความมั่นใจอย่างเต็มที่ในการเผชิญหน้ากับทั่วโลก และเราก็มีความมั่นใจและเผชิญหน้ากับจีนอย่างสุขุมรอบคอบ เพื่อการพัฒนาในอนาคต สร้างสรรค์เงื่อนไขในการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขระหว่างช่องแคบไต้หวัน
ในฐานะที่เป็นประธานาธิบดี หน้าที่ของข้าพเจ้าก็คือ การธำรงรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของประเทศชาติ ธำรงรักษาไว้ซึ่งวิถีชีวิตแห่งประชาธิปไตยของประชาชนไต้หวัน 23 ล้านคน ในขณะเดียวกัน ก็แสวงหาหนทางในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ โดยมีปฏิสัมพันธ์ที่เสรี ไร้ข้อจำกัด และไร้ซึ่งภาระผูกพันระหว่างผู้คนในสองฝั่งช่องแคบ เพื่อให้ไต้หวันและทั้งสองฝ่ายบนช่องแคบไต้หวัน ต่างก็สามารถอุทิศตนเพื่อส่งเสริมให้เกิดสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค
ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า “สันติภาพ คือ ทางเลือกเดียวของสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน การรักษาสถานภาพเดิมถือเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องร่วมกัน และเป็นกุญแจสำคัญในการทำให้เกิดสันติภาพ”
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โลกได้ตระหนักแล้วว่า สันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน เป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงปลอดภัยและความเจริญรุ่งเรืองของประชาคมโลก ไม่มีฝ่ายใดสามารถเปลี่ยนแปลงสถานะปัจจุบันโดยพลการได้เพียงฝ่ายเดียว ความขัดแย้งระหว่างสองฝั่งช่องแคบจึงควรได้รับการแก้ไขโดยสันติวิธี
ดังนั้น เราจะต้องพยายามต่อไป ในการรักษาอำนาจอธิปไตยและเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตย สร้างความสัมพันธ์ที่สันติและมั่นคงระหว่างสองฝั่งช่องแคบ โดยเคารพข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์
วันนี้ มีผู้นำพรรคการเมืองและแขกผู้มีเกียรติมากมายเดินทางมาร่วมในพิธี การแข่งขันระหว่างพรรคการเมือง เป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของการปกครองระบอบประชาธิปไตย แต่การที่เราได้มารวมตัวกัน ณ ที่แห่งนี้ในวันนี้ เป็นบรรยากาศประชาธิปไตยของไต้หวันที่น่ายกย่องเป็นอย่างยิ่ง
ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หลังจากการหาเสียงเลือกตั้งสิ้นสุดลง เราทุกคนจะปล่อยวางอารมณ์และความคิดที่ร้อนแรง ร่วมกันแสวงหาฉันทามติที่มีร่วมกันในสังคมไต้หวันให้มากขึ้น รวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวและมีความสามัคคี ข้าพเจ้าเชื่อว่า นี่คือความรับผิดชอบต่อประเทศชาติที่พวกเราทุกคนพึงมีร่วมกันโดยไม่แบ่งพรรคการเมือง
เรายินดีที่จะพัฒนาปฏิสัมพันธ์กับรัฐบาลปักกิ่งภายใต้เงื่อนไขที่ทั้งสองฝ่ายให้การยอมรับได้ โดยอาศัยฉันทามติที่มีร่วมกันในสังคมไต้หวัน บนพื้นฐานของความเสมอภาค ความเท่าเทียม ดำเนินการเจรจาผ่านกระบวนการประชาธิปไตย โดยรักษาสถานะภาพปัจจุบันเป็นสำคัญ เพื่อก้าวสู่เส้นทางการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า ในภายหน้า ประชาคมโลกจะให้การสนับสนุนไต้หวันมากยิ่งขึ้น ในขณะที่ทั่วโลกให้ความสนใจและมุ่งมั่นที่จะรักษาสันติภาพและเสถียรภาพช่องแคบไต้หวัน เราต้องคว้าโอกาส บริหารความเสี่ยง เพื่อให้ช่องแคบไต้หวันเป็นส่วนสำคัญของการสร้างสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค สิ่งนี้คือความรับผิดชอบทางประวัติศาสตร์และพันธกิจที่พรรครัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน ตลอดจนสองฝั่งช่องแคบมีร่วมกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ประเทศก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ไต้หวันช่วยสร้างโลกที่น่าอยู่มากยิ่งขึ้น
พี่น้องชาวไต้หวันทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นยุทธภูมิ 23 สิงหาคม เมื่อ 65 ปีที่แล้ว หรือความท้าทายที่ต้องเผชิญกับภัยคุกคามภายนอกในปัจจุบัน เรามีความเชื่อมั่นเสมอว่า เราอาศัยอยู่บนเกาะเดียวกันโดยไม่แบ่งแยก
ปัจจุบัน สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เป็นชื่อที่เป็นฉันทามติของประชาชน 23 ล้านคน ได้สั่งสมความรู้สึกทางประวัติศาสตร์ของกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ กับเรื่องราวทั้งดีและร้ายตลอดระยะ 74 ปีที่ผ่านมา
เป็นเครื่องแสดงว่า พวกเรายินดีที่จะละทิ้งทิฐิหันมาเข้าใจซึ่งกันและกัน เพื่อความสมัครสมานสามัคคี เพื่อปกป้องประเทศชาติ ปกป้องประชาธิปไตยและเสรีภาพในการดำเนินชีวิต
ประชาธิปไตยของไต้หวันเติบโตและเจริญรุ่งเรืองขึ้น ภายใต้ปัจจัยที่เต็มด้วยแรงกดดันมหาศาลทั้งจากภายในและภายนอก ทำให้มีความทรหดและแข็งแกร่ง การปกป้องประชาธิปไตยของไต้หวัน ก็คือการปกป้องประชาธิปไตยที่เป็นค่านิยมของทั่วโลก
ขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมแรงร่วมใจ จุดประกายประชาธิปไตยของไต้หวันให้ทั่วโลกได้รับรู้ พวกเราจะถ่ายทอดไปทั่วโลกด้วยมั่นใจว่า คนไต้หวันมีศักดิ์ศรี มีเสรีภาพ และมีความเป็นมิตร คนไต้หวันยินดีที่จะเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลก และจะดำรงไว้ซึ่งความเป็นนักประชาธิปไตยและนักสิทธิเสรีภาพสืบไป
ขอขอบคุณประชาชนไต้หวันที่ให้โอกาสข้าพเจ้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ถึง 2 สมัย เพื่อทำงานร่วมกับพี่น้องชาวไต้หวัน ในใจของข้าพเจ้าเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง
ในช่วงไม่กี่ปีผ่านมา นโยบายการบริหารประเทศ มีทั้งที่ประสบความสำเร็จ และไม่เป็นที่น่าพึงพอใจ ในฐานะผู้นำประเทศข้าพเจ้าไม่สามารถจะปัดความรับผิดชอบได้ และนี่คือประเทศประชาธิปไตย ผู้มีอำนาจบริหารประเทศจะพึงพอใจกับผลงานของตนไม่ได้ เราต้องทำให้ประชาชนพึงพอใจมากยิ่งขึ้น และนี่คือเป้าหมายที่รัฐบาลจะพยายามต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
พี่น้องชาวไต้หวันทุกท่าน ข้าพเจ้าไช่อิงเหวินจะสิ้นสุดจากวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 20 พฤษภาคม ปีหน้า แต่ประเทศยังคงต้องเดินหน้าต่อไป
ข้าพเจ้าเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ไต้หวันจะเดินหน้าต่อไปอย่างมีความเชื่อมั่นและสุขุมรอบคอบแน่นอน เราไม่เพียงต้องการให้โลกใบนี้มีไต้หวันที่ดีขึ้น แต่เรายังต้องการให้ประชาธิปไตยของไต้หวันสร้างความผาสุกให้ทั่วโลกมากยิ่งขึ้น
ไต้หวันสู้ ๆ สาธารณรัฐจีนสู้ ๆ ขอบคุณทุกท่าน