ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำไต้หวันได้กล่าวสุนทรพจน์ในงานวันชาติครบรอบ 112 ปี เช้าวันนี้ ในประเด็นการปฏิสัมพันธ์กับจีน ย้ำว่า “สันติภาพเป็นทางเลือกเพียงอย่างเดียวของช่องแคบไต้หวัน การรักษาสถานะปัจจุบันเป็นสมการร่วมกันของทุกฝ่าย ซึ่งก็คือกุญแจสำคัญแห่งหลักประกันของสันติภาพ” พร้อมทั้งระบุว่า ไต้หวันยินดีที่จะเปิดการเจรจาอย่างเป็นประชาธิปไตยกับปักกิ่งภายใต้หลักการพื้นฐานฉันทามติร่วมกันของชาวไต้หวัน เสมอภาค โดยมีการรักษาสถานะปัจจุบันเป็นหัวใจ เพื่อพัฒนาไปสู่การมีปฏิสัมพันธ์บนพื้นฐานที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับได้และอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
วันชาติสาธารณรัฐจีนปีนี้ เป็นปีสุดท้ายที่ประธานาธิบดีไช่อิงเหวินจะกล่าวสุนทรพจน์ในงานวันชาติ ซึ่งได้ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2016 ที่ตนขึ้นรับตำแหน่งผู้นำไต้หวันเป็นต้นมา รัฐบาลได้ยึดมั่นในคำมั่นสัญญามาตั้งแต่ต้น รักษาสถานะปัจจุบัน ยืนหยัดใน “4 หลักการ” ไม่ยั่วยุ ไม่บุ่มบ่าม ไม่ยอมสยบให้กับแรงกดดัน และร่วมมือเชิงลึกกับประเทศประชาธิปไตยทั่วโลก ร่วมกันรักษาเสถียรภาพและสันติภาพในภูมิภาค และอุทิศพลังแห่งความดีให้แก่ชาวโลก
ผู้นำไต้หวันย้ำว่า ผลสำเร็จแห่งประชาธิปไตยของไต้หวันกลายเป็นแบบอย่างให้แก่ชาวโลก การยืนอยู่อย่างมั่นคงไม่สั่นคลอนของไต้หวันไม่ต้องสงสัยเลยว่า เป็นหลักประกันสำคัญสูงสุดให้แก่การพัฒนาประชาธิปไตยอย่างยั่งยืน ความปลอดภัยและความเจริญรุ่งเรืองของทั่วโลก ไต้หวันในปัจจุบันได้กลายเป็นไต้หวันของโลกไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแง่ของภูมิรัฐศาสตร์ การพัฒนาประชาธิปไตยของโลก หรือในแง่ของห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศ ไต้หวันได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ไต้หวันเป็นหุ้นส่วนที่น่าเชื่อถือที่สุด มีประสิทธิภาพที่สุด และปลอดภัยที่สุด พลังที่สนับสนุนไต้หวันในประชาคมโลกก็สามัคคีเป็นหนึ่งเดียวอย่างไม่เคยมีมาก่อน ณ ขณะนี้ ไต้หวันมีความมั่นใจอย่างแรงกล้าที่จะเผชิญหน้าสู่ชาวโลก และยิ่งมีความเชื่อมั่นอย่างมั่นคงที่ต้องเผชิญหน้ากับจีน เพื่อสร้างเงื่อนในการดำรงอยู่ร่วมกันอย่างสันติระหว่างช่องแคบไต้หวัน
ผู้นำไต้หวันได้กล่าวย้ำว่า “ไต้หวันยินดีที่จะเปิดการเจรจาอย่างเป็นประชาธิปไตยกับปักกิ่งภายใต้หลักการพื้นฐานฉันทามติร่วมกันของชาวไต้หวัน เสมอภาค โดยมีการรักษาสถานะปัจจุบันเป็นหัวใจ เพื่อพัฒนาไปสู่การมีปฏิสัมพันธ์บนพื้นฐานที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับได้และก้าวสู่หนทางแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ”
ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ได้ขอบคุณประชาชนที่ให้โอกาสตนดำรงตำแหน่งผู้นำไต้หวัน 2 สมัย ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อาจจะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังไม่เป็นที่พอใจผู้คนมากนัก ในฐานะประธานาธิบดี เป็นความรับผิดชอบที่ไม่อาจปฏิเสธได้ และจะหมดวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสาธารณรัฐจีนในวันที่ 20 พ.ค. ปีหน้า แต่ก็เชื่อมั่นว่า ไต้หวันวัฒนาถาวรด้วยความเชื่อมั่นและสุขุม จะทำให้ไต้หวันก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งไม่เพียงแต่จะเป็นไต้หวันที่ดียิ่งของโลกเท่านั้น หากยังทำให้โลกนี้ดีขึ้นได้เพราะประชาธิปไตยของไต้หวัน
แหล่งข่าว：RTI
รายงานโดย：กฤษณัย ไสยประภาสน์
แหล่งข่าว : Rti
