สุนทรพจน์ของประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน เนื่องในโอกาสฉลองวันชาติสาธารณรัฐจีน 2022 (ฉบับย่อ)

หัวข้อสุนทรพจน์วันชาติในปีนี้คือ “มอบไต้หวันที่ดีกว่าให้กับโลก – เกาะแห่งความแข็งแกร่งและทรหด – ประเทศแห่งความยืดหยุ่น” เนื้อหาแบ่งได้เป็น 4 ส่วน ดังนี้

ส่วนที่ 1 : ไต้หวันก้าวหน้าสวนกระแส ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19

หลังจากวันชาติ 3 วัน คือวันที่ 13 ตุลาคม จะมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมพรมแดน แสดงให้เห็นว่า ไต้หวันได้หลุดพ้นจากความอึมครึมแห่งโรคระบาดแล้ว และก้าวเข้าสู่การใช้ชีวิตตามปกติ

ดังนั้น ก่อนอื่นประธานาธิบดี จะขอบคุณทุกคนในประเทศ ที่อุทิศตนอย่างเต็มที่และทำงานอย่างยากลำบาก เพื่อการป้องกันโรคระบาด ทำให้บรรยากาศการฉลองวันชาติในปีนี้ไม่เหมือนกับในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่ผลสำเร็จในการป้องกันโรคระบาดของไต้หวันจะได้รับการยอมรับจากทั่วโลก เศรษฐกิจของไต้หวันก็มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น สวนทางกับเศรษฐกิจโลกที่หดตัวลง ประธานาธิบดีขอบคุณที่ประชาชนไต้หวันร่วมกันพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อนำพาให้ไต้หวันก้าวไปข้างหน้า และกลายเป็นประเทศที่ดียิ่งขึ้น

ส่วนที่ 2 :  ก่อนที่ความท้าทายครั้งใหม่จะมาถึง ต้องเผชิญหน้าอย่างสุขุมเยือกเย็น และร่วมกันแก้ไขปัญหา

แต่ประธานาธิบดีก็ย้ำว่า แม้ในครั้งนี้จะสามารถฝ่าฟันอันตรายมาได้อย่างปลอดภัย แต่ก็มิได้หมายความว่าในครั้งต่อไปจะราบรื่นไร้อุปสรรคใด ๆ ในยุคหลังโควิดระเบียบโลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งรวมถึง ภาวะเงินเฟ้อทั่วโลกซึ่งจะทำให้เกิดความเสี่ยงของภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจตามมา การแตกตัวของห่วงโซ่อุปทานโลกที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อตัวใหม่ ภัยธรรมชาติที่รุนแรงเนื่องจากความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างสุดขั้ว ระเบียบของโลกแห่งเสรีภาพที่ถูกท้าทาย สิ่งต่อไปที่กำลังมาถึง จะมีความท้าทายที่มากขึ้น ไต้หวันจึงต้องเผชิญหน้าอย่างรอบคอบ และแก้ไขปัญหาร่วมกัน

ดังนั้น ประธานาธิบดีจะกล่าวถึงช่วงเวลาที่เหลือในการดำรงตำแหน่ง  ไม่เพียงแต่จะต้องยึดมั่นในจุดยืนของ “ความยึดมั่น 4 ข้อ” และยังต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับไต้หวัน ด้วย “ความทรหด 4 ประการ” อันจะส่งผลให้บรรลุเป้าหมายในการเสริมสร้าง “ประเทศแห่งความยืดหยุ่น” ที่แข็งแกร่งและทรหด

ส่วนที่ 3 : เสริมสร้าง ความทรหด 4 ประการเพื่อสร้างประเทศให้มีความแข็งแกร่ง

ในสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีปีนี้ สาระสำคัญจะอยู่ที่การกล่าวถึงการเสริมสร้าง “ความทรหด 4 ประการ” คือ “เศรษฐกิจและอุตสาหกรรม” “เครือข่ายความมั่นคงทางสังคม” “ระบบการเมืองแบบเสรีประชาธิปไตย” และ “แสนยานุภาพในการป้องกันประเทศ” ที่เปี่ยมด้วยความล้ำลึกและแข็งแกร่ง ซึ่งประธานาธิบดีจะชี้แจงทีละข้อ :

  1. เศรษฐกิจและอุตสาหกรรม : ตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลง วางแผนสำหรับอุตสาหกรรมในอนาคต

ประธานาธิบดีเห็นว่า สิ่งแรกที่สำคัญในการสร้าง “ประเทศแห่งความทรหด” คือมีความทรหดในด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ซึ่งรวมถึงการผลักดันการควบคุมภาวะเงินเฟ้อ การสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดเงิน การวางแผนทางอุตสาหกรรม การรับประกันความปลอดภัยของระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่สำคัญ เชื่อมโยงกับห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศ และการปรับเปลี่ยนสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ เป็นต้น โดยประธานาธิบดีจะเสนอนโยบายจากทั้ง 6 ด้านนี้ เพื่อสร้างเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมที่มีความยืดหยุ่น สามารถยืนหยัดได้อย่างมีเสถียรภาพและตอบสนองความเปลี่ยนแปลงได้ดี ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่เป็นใจ อันจะเป็นการตอบสนองต่อภาวะเงินเฟ้อที่กระจายไปทั่วโลกซึ่งส่งผลให้เกิดการหดตัวทางการเงิน ซึ่งจะทำให้เกิดความถดถอยทางเศรษฐกิจและมีความเสี่ยงที่จะเกิดความผันผวนในตลาดการเงินในระยะเวลาอันใกล้

  1. เครือข่ายความมั่นคงทางสังคม : การมีสวัสดิการที่เพียบพร้อม เสริมสร้างเครือข่ายความมั่นคงทางสังคม

การเสริมสร้างเครือข่ายความมั่นคงทางสังคมให้มีความสมบูรณ์ เป็นภารกิจที่สำคัญที่สุด ในช่วงหลายปีมานี้รัฐบาลทยอยเพิ่มงบประมาณและทุ่มเทความพยายามในด้านต่างๆเพื่อให้ประชาชนได้รับการดูแลที่ดีขึ้น โดยในอนาคตรัฐบาลจะเร่งดำเนินการในด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งประกอบด้วย 4 ด้าน ได้แก่ ความช่วยเหลือทางการแพทย์ การรับมือและการป้องกันภัยพิบัติ การดูแลทางสังคมอย่างครอบคลุม และที่อยู่อาศัยเพื่อสังคม (Social Housing) นอกจากนี้ยังมีการเสริมสร้างเครือข่ายความมั่นคงทางสังคมอย่างต่อเนื่องและให้การดูแลประชาชนอย่างสมบูรณ์และครอบคลุมมากขึ้น การยื่นมือให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนทุกคนที่ต้องการความช่วยเหลือ เป็นภารกิจที่รัฐบาลจะหลบหลีกไม่ได้

  1. ระบอบเสรีประชาธิปไตย : ปลูกฝังระบอบประชาธิปไตยในเชิงลึก แสวงหาความสนับสนุนจากประชาคมโลก

สร้างความทรหดให้แก่ประชาธิปไตย คือกุญแจสำคัญในการปกป้องคุ้มครองไต้หวัน โดยการเสริมสร้างความเข้มแข็งและทรหดให้แก่ประชาธิปไตยไต้หวันต้องดำเนินการโดยผ่าน ปัจจัย 3 มิติ อันดับแรกต้องผลักดันให้ระบอบเสรีประชาธิปไตยกลายเป็นฉันทามติร่วมกันของประชาชนทั้งประเทศ ประการที่สองคือสร้างความโปร่งใสด้านข้อมูลข่าวสาร เสริมสร้างการรู้เท่าทันข่าวปลอม ประการที่ 3 ก็คือ เพิ่มความร่วมมือกับนานาประเทศในเชิงลึกอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับพันธมิตรด้านประชาธิปไตย สำหรับในต่างประเทศ ภาพลักษณ์ของไต้หวันในประชาคมโลกคือความมีประชาธิปไตย ส่วนในประเทศ ยิ่งต้องเสริมสร้างความยืดหยุ่นให้แก่สังคมซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญ

  1. แสนยานุภาพด้านการป้องกันประเทศ : ยกระดับแสนยานุภาพด้านการป้องกันประเทศ สร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในหมู่ประชาชน

การขับร้องเพลงชาติในปีนี้จะเป็นครั้งแรกที่จัดขึ้นพร้อมในสถานที่ 3 แห่ง นอกจากในพิธีฉลองวันชาติที่จตุรัสข่ายต๋าเกอหลันแล้ว ยังมีการทำพิธีขับร้องเพลงชาติที่เกาะตงอิ่น หนึ่งในหมู่เกาะหม่าจู และท่าเรือจั่วอิ๋ง.นครเกาสง โดยมีเหล่าทหารร่วมขับร้อง ซึ่งเป็นการสื่อความหมายว่า ทหารและประชาชนประสานสามัคคีร่วมกันปกป้องประเทศชาติ

นอกจากนี้ยังเป็นการเน้นย้ำถึงความแน่วแน่ที่จะเพิ่มความเข้มแข็งในการป้องกันตนเองของไต้หวัน รวมถึงจุดยืนที่จะรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค ตลอดจนเป็นความพยายามในอันที่จะเสริมสร้างความเข้มแข็งและยืดหยุ่นให้แก่แสนยานุภาพด้านการป้องกันประเทศของไต้หวันโดยผ่านการยกระดับสมรรถนะด้านการทำสงคราม การพึ่งพาตนเองด้านกลาโหม การระดมกำลังพลทั้งประเทศ และจิตสำนึกในการป้องกันประเทศของประชาชน โดยการยกระดับใน 4  มิตินี้เป็นการแสดงให้เห็นถึง ความแน่วแน่และความยืดหยุ่นที่สอดรับกับคำขวัญที่ว่า “ร่วมด้วยช่วยกัน ปกป้องแผ่นดินไต้หวัน”

ส่วนที่ 4 มอบไต้หวันที่ดีกว่าให้แก่โลก

สุนทรพจน์หลังชนะการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 ข้าพเจ้าได้เคยกล่าวไว้ว่า จะสร้างประเทศให้ดียิ่งขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกในช่วง 2 ปีกว่าที่ผ่านมา ผลงานในด้านต่างๆ ของไต้หวัน อาทิ การป้องกันโรคระบาด และด้านเศรษฐกิจ กลายเป็นจุดสนใจและได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าไต้หวันเป็น “เกาะแห่งความทรหด” ในช่วงเวลาแห่งการดำรงตำแหน่งที่เหลืออยู่ ข้าพเจ้าจะสร้างไต้หวันให้เป็น “ประเทศที่มีความทรหด”

เศรษฐกิจ ความมั่นคงและประชาธิปไตยของไต้หวัน เกี่ยวพันกับพัฒนาการของสถานการณ์โลกอย่างมีนัย นอกจากจะสานต่อสุนทรพจน์ที่กล่าวเมื่อปีที่แล้ว ที่ต้องการให้ไต้หวันคือไต้หวันที่เป็นส่วนหนึ่งของโลกแล้ว ยังต้องการ “มอบไต้หวันที่ดีกว่าให้แก่โลก”อีกด้วย